สถานที่ 12 แห่งที่ลูกได้รับเชื้อโรค

สถานที่ 12 แห่งที่ลูกได้รับเชื้อโรค

1 ที่แขวนแปรงสีฟัน : เนื่องจากเป็นบริเวณที่ไม่เคยได้รับการทำความสะอาดเลย หรือ ถ้าอยู่ใกล้ชักโครก เวลากดน้ำชักโครก อาจมีละอองน้ำสกปรกฟุ้งกระจายแล้วมาสัมผัสกับบริเวณที่แขวนแปรงสีฟัน แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อทุกสัปดาห์

2 สัตว์เลี้ยงในบ้าน : นำเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส พยาธิ มาสู่เด็กผ่านทางน้ำลาย รังแคสัตว์ หรือ มูลสัตว์ ของเล่นของสัตว์เลี้ยงและจานใส่อาหารเป็นที่อยู่ของเชื้อ Salmonella และ E.coli แนะนำให้ลูกล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสกับสัตว์เลี้ยง ของใช้ของสัตว์เลี้ยง และ แน่นอนที่สุด คือ หลีกเลี่ยงการจูบกับสัตว์เลี้ยง

3 สวนหลังบ้าน : การให้ลูกเล่นคลุกดินคลุกทรายบ้างเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องระวังอันตรายด้วย ห้ามเล่นบริเวณที่มีมูลสัตว์ ให้ลูกฉีดวัคซีนป้องกันบาดทะยักเพราะอาจได้รับเชื้อผ่านทางบาดแผลจากในดิน

4 ตู้เย็น : อาหารที่เหลือ นมเก่าเก็บในตู้เย็น เป็นแหล่งเพาะเชื้อที่ทำให้เกิดโรคท้องร่วง เพื่อป้องกันลูกสัมผัสเชื้อเวลาที่มาเปิดตู้เย็นหาของกิน ให้เก็บอาหารเหล่านี้ให้มิดชิด หมั่นทำความสะอาดตู้เย็นบ่อยๆ

5 บริเวณจัดแสดงสัตว์ : เช่น สวนสัตว์ ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ สัตว์เลี้ยงในโรงเรียน จะมีเชื้อโรคอยู่เต็มไปหมด ป้องกันโดยไม่ให้เอาอาหาร หรือ ของเล่น เข้าไปกิน เข้าไปเล่น บริเวณนี้ และล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสสัตว์เลี้ยง

6 พื้นบ้าน : ซึ่งอาจมีเศษอาหารที่ตกหล่นไว้ คนหรือสัตว์เลี้ยงเดินผ่าน พื้นห้องครัวเป็นที่ๆสกปรกมากรองจากพื้นห้องน้ำ แต่ห้องอื่นๆก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น พื้นพรมหรือพื้นธรรมดา จะมีไรฝุ่น เชื้อรา เศษอาหาร ฝุ่นจากนอกบ้าน แมลง ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ และ เชื้อโรคนานาชนิด

7 น้ำขังบนพื้น : เป็นอะไรที่เด็กๆชอบเล่น ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำตื้นๆ ถังรองน้ำ น้ำขังบนยางรถยนต์ ล้วนเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค เช่น เชื้อรา แบคทีเรีย และ ยุง

8 ในโรงเรียน : มีการศึกษาเพื่อตรวจดูที่ๆพบเชื้อโรคในโรงเรียน พบจำนวนเชื้อโรคที่ตู้น้ำกินแบบเหยียบมากกว่าฝารองนั่งชักโครก ถาดใส่อาหารก็พบเชื้อโรคจำนวนมากด้วย มีการศึกษาหนึ่งพบว่า การเจ็บป่วยลดลงไปครึ่งหนึ่ง เมื่อเน้นให้มีการล้างมือบ่อยๆและทำความสะอาดแป้นคอมพิวเตอร์ทุกวัน

9 ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า : เด็กในโรงเรียน หรือ ฝากเลี้ยงเป็นเหากันบ่อยๆ จากการสัมผัสใกล้ชิด และ ใช้ของร่วมกันหรือวางไว้ใกล้ๆกัน เช่น หมวก หวี หรือ เสื้อผ้า

10 ห้องยิม สนามเด็กเล่น อุปกรณ์ของเล่น : ตรวจพบเชื้อโรคติดอยู่เต็มไปหมด การใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกัน และ การเล่นที่สัมผัสตัวกัน ก็ทำให้ติดโรคได้ เช่น มวยปล้ำ

11 กะบะทราย : การศึกษาพบว่กะบะทราย หรือ กองทรายในสวนสาธารณะ มีเชื้อโรคอยู่หนาแน่นมาก เป็นเชื้อมาจากมูลสัตว์ น้ำลายมนุษย์ เศษอาหารและอุจจาระเด็ก

12 ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล : ตรวจพบเชื้อโรคมากมายในห้าง พบสูงมากในฤดูกาลระบาดของโรคหวัด ตรวจพบหนาแน่นที่ราวบันไดเลื่อน ปุ่มกดลิฟท์ รถเข็นใส่ของ คันบังคับเล่นเกมส์ ตู้เอทีเอ็ม เพราะไม่ได้ทำความสะอาดบ่อยๆ รวมถึงอ่างล้างมือและก๊อกน้ำด้วย การล้างมือจะช่วยลดเชื้อโรคได้

พฤติกรรมของเด็ก เช่น แคะขี้มูก กัดเล็บ ป้ายน้ำมูกด้วยมือ และเด็กส่วนใหญ่ไม่ได้ล้างมือบ่อยๆ ผู้ใหญ่จึงควรเตือนให้เด็กล้างมือบ่อยๆเพื่อลดโอกาสติดเชื้อหวัด และ โรคติดต่ออื่นๆ

วิธีล้างมือที่ถูกต้อง

: ล้างทุกครั้งก่อนกินอาหาร หลังเข้าส้วม และ หลังไอ จาม สั่งน้ำมูก สอนให้ลูกล้างมือนานประมาณ 20 วินาที ถูระหว่างนิ้วมือ ในซอกเล็บ หลังมือ ข้อมือ ถ้าไม่มีน้ำล้างมือ อาจใช้อัลกอฮอลความเข้มข้นอย่างน้อย 60% จะช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ แต่ไม่ได้กำจัดความสกปรก และอาจเป็นพิษถ้ากินเข้าไป

วิธีทำความสะอาดพื้นบ้าน ผิวโต๊ะ

ใช้สบู่จะช่วยกำจัดคราบและช่วยลดปริมาณเชื้อได้ แต่ถ้าใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมของ ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ จะทำลายเชื้อได้ โดยผสมน้ำยา 1 ถ้วย กับน้ำ 1 แกลลอน ใช้ถูพื้นแล้วเช็ดซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำเปล่า แล้วรอให้แห้ง

 

ที่มา : เพจคุณหมอสุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ

READ  baby name3