7 นิสัยอัจฉริยะของดาวินชี

7 นิสัยที่ทำให้ดาวินชีเป็นอัจฉริยะ

มาดูกันครับว่านิสัยสำคัญ 7 อย่าง ที่ทำให้ดาวินชี ได้รับการยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะ


ดาวินชี

1. อยากรู้อยากเห็นในสิ่งที่ตัวเองชอบอย่างไม­่มีที่สิ้นสุด ไม่หยุดหย่อนที่จะขวานขวยหาความรู้ จนรู้แจ้งแทงตลอด การรู้ว่าสิ่งใดคือสิ่งที่ตัวเองชอบ เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายต้องให้ความช่วยเหลือแก่ลูก การนำเสนอข้อมูลที่หลากหลายและมีประโยชน์ จริงอยู่ครับว่าเด็กจะเป็นคนที่เลือกสิ่งที่ตัวเขาชอบและสนใจ แต่ไม่มีสิ่งใดเกิดได้เองตามธรรมชาติ ไม่มีคนชอบวาดรูปถ้าไม่เคยวาดหรือเห็นภาพวาดมาก่อน ไม่มีใครชอบคำนวณถ้าไม่เคยบวกเลข

2.อย่าเชื่อในสิ่งที่ได้ข้อมูลมา ต้องพิจารณา ขบคิด คนที่ฉลาดต้องรู้ข้อบกพร่องของตัวเองแล้วแ­ก้ไข แต่คนที่ฉลาดกว่า คือคนที่ศึกษาข้อบกพร่องของคนอื่น แล้วหลีกเลี่ยง ไม่ต้องบาดเจ็บก่อนจะฉลาด ในหลักการข้อที่สองนี้ ชาวพุทธสอนลูกได้ไม่ยาก (แต่ไม่ยอมสอน) หลักกาลมสูตรของพระพุทธเจ้า ครอบคลุมหลักคิดข้อนี้ได้ดีที่สุดแล้วครับ

3.ฝึกขัดเกลาประสาทสัมผัสทั้งห้า หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ ให้แหลมคม ชัดเจน งานนี้จัดเป็นงานสำคัญของคุณพ่อคุณแม่เลย เพราะถ้ารีบฝึกทักษะ ฝึกการใช้ประสาทสัมผัสได้เร็วเท่าไหร่ เด็กย่อมเก่งได้เร็วขึ้น บางคนอาจจะไม่ได้เก่งไปหมดทุกด้าน ทุกประสาทสัมผัส แต่ก็ดีกว่าไม่ฝึกให้เขาเลย

4.เปิดใจยอมรับทุกสภาวะ ว่า อะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ไม่จำเป็นต้องมีคำตอบ บางครั้งยังไม่ถึงเวลาแก้ปัญหาก็ต้องนิ่ง ต้องอยู่กับสิ่งที่ไม่แน่นอนในชีวิต การสอนให้เด็กได้เรียนรู้นิสัยแบบนี้อาจจะต้องสอนตามสถานการณ์จริงครับ การไปงานศพ งานแต่งงาน หรือการไปเยี่ยมคนป่วย การดูข่าวในทีวี ล้วนมีโอกาสที่คุณพ่อคุณแม่จะแทรกบทเรียนเรื่องความเป็นไปได้ ความไม่แน่นอน ให้แก่ลูกๆได้เสมอ

5.เน้น เรื่องศาสตร์ และศิลป์ (สร้างสมดุลสมองด้านซ้ายและขวา) โดยเฉพาะเรื่องศิลปะ สุนทรียภาพ ดังคำว่า ‘ชนใดไม่มีดนตรีกาล ในสันดานเป็นคนชอบกลนัก’ ข้อนี้คุณพ่อคุณแม่ต้องเข้าใจเรื่องของสมองก่อนครับ จะได้เข้าใจว่ากิจกรรมใดเสริมสมองซีกซ้าน กิจกรรมใดช่วยเสริมสมองซีกขวา แล้วนำมาออกแบบกิจกรรมให้ช่วยเสริมสมดุลของสมองได้

6.ดูแลร่างกายให้แข็งแรงสมบูรณ์ ข้อนี้ง่ายสุดแต่ก็ยากเพราะ ต้องอาศัยความสม่ำเสมอ คุณพ่อคุณแม่เองคงรู้ว่า การหาเวลาออกกำลังกาย หรือการเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์สม่ำเสมอนั้น ไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันง่ายๆ ข้อนี้อยู่ที่ใจครับ ถ้าตั้งใจจริงย่อมทำได้ ถ้าลูกเราแข็งแรง ย่อมไม่ต้องขาดเรียน ย่อมมีโอกาสเรียนรู้สิ่งต่างๆได้มากกว่า พ่อแม่เองก็จะกล้าให้เขาได้ทดลองเรียนรู้ ทำกิจกรรมใหม่ๆ ต่างจากการมีลูกที่ไม่ค่อยแข็งแรงนัก พ่อแม่อย่างเราคงกลัวไปเสียทุกอย่างแทน

7.ให้ศึกษาในความสัมพันธ์ต่างๆ ไม่มีอะไรเกิดในสูญญากาศ มันมีเหตุและปัจจัย ในการสอนบุตรก็ควรเน้นเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แทรกไปในชีวิตประจำวันได้เลยครับ คนนั้นแข็งแรงเพราะอะไร ทำไมเราต้องทำอะไร อย่างไร ชวนลูกคุย ชวนกันคิด เด็กๆ พร้อมจะเรียนรู้เสมอ ไม่มีการเรียนมากไปสำหรับเด็ก (ไม่ใช่การเรียนหนังสือนะครับ) อย่าลืมว่าเราใช้สมองกันจริงๆแค่ไม่กี่เปอร์เซนต์เอง 

READ  TV กับลูกรัก