ข้อผิดพลาดที่พ่อแม่มองข้าม 10 ประการ

เชื่อว่าถ้าเป็นไปได้คุณพ่อคุณแม่ทุกท่านคงพยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ให้ดีที่สุด สิ่งใดที่ดี เรื่องไหนที่มีประโยชน์ ก็พยายามนำมาให้ลูก ขึ้นชื่อว่าเพื่อลูก ทุกอย่างต้องดีที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่คุณพ่อคุณแม่อาจเผลอทำพลาดไปในบางเรื่อง หรือหลายเรื่อง วันนี้ผมได้รวบรวม 10 ข้อผิดพลาดที่มองข้ามไป เป็นข้อผิดพลาดที่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่ก็ส่งผลกระทบเกินกว่าที่คิดไว้ได้เช่นกันครับ ลองมาเริ่มดูกันเลยว่ามีอะไรบ้าง

1. มองข้าม Hi Chair  เก้าอี้สำหรับเด็กน้อยนี้อาจเป็นเพียงแค่อุปกรณ์เสริมให้เจ้าตัวเล็กสามารถร่วมโต๊ะอาหารกับคนอื่นๆ ในครอบครัวได้ บางครอบครัวก็ไม่นิยมใช้ ชอบจับเด็กนั่งกับพื้น ทานอาหารไป เล่นของเล่นไป หรือเดินเล่นไป กินข้าวไป ผลคืออะไรครับ นิสัยการรับประทานอาหารของเด็กจะต้องใช้เวลานาน เด็กขาดระเบียบ ประโยชน์ของ hi chair นี้ยังช่วยให้ลูกน้อยมีความปลอดภัย ทานอาหารเป็นเวลา ทานได้มากและรวดเร็ว (อาจจะต้องขึ้นกับนิสัยเด็ก ความสามารถในการป้อน และรสชาดของอาหารด้วย) แต่ผลพลอยได้ที่หลายคนมองข้ามไปเลยคือ การที่ต้องนั่ง hi chair นั้นทำให้เด็กมีสมาธิ และมีความอดทน อยู่นิ่งๆ ได้ ถ้าทานเข้าเร็ว มีสมาธิ อดทน ก็ดีมากแล้ว ยังมีเวลาเหลือไปทำกิจกรรมอื่นๆ อีกมากด้วยนะครับ คนป้อนก็ไม่ต้องหงุดหงิดกับการป้อนข้าว เพราะฉะนั้นซื้อเถอะครับ และพยายามนำมาใช้ตั้งแต่เริ่มนั่งทานอาหารได้เลย

2. ไม่ยอมใช้ Car Seat ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุด โดยเฉพาะขณะเดินทางด้วยรถยนต์ มีข้อพิสูจน์มาแล้วว่าไม่มีอ้อมกอดของแม่คนไหนที่ปลอดภัยไปกว่า car seat  ได้ ถ้าคุณพ่อคุณแม่รักและเป็นห่วงลูกจริง ยอมฟังเสียงลูกร้องดีกว่าครับ ผมให้ลูกเริ่มนั่งตั้งแต่ต้องพาเขาออกไปข้างนอก ตอนแรกก็ซื้อมาแล้วตั้งเล่นในบ้าน เขาก็ปีนเล่นไปมา นั่งเล่นบ้าง จนคุ้นเคย วันหนึ่งก็เอาขึ้นรถแล้วบอกเขาว่าถ้าอยากไปกับเราต้องนั่งที่นั่งของเขา ผมเชื่อว่านี่คือบทเรียนแรกๆ ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนลูกให้ได้ครับ ผลประโยชน์มากๆ ของ car seat ก็จะเหมือนกับ hi chair คือ ความอดทน และสมาธิครับ เด็กที่มีสมาธิและความอดทน ปัจจัยสองสิ่งนี้ทำให้เด็กสามารถเรียนรู้เรื่องต่างๆ ได้ดีกว่า ห้ามพลาดสองข้อนี้เลยครับ ซื้อเตรียมไว้ได้เลยทั้ง car seat และ hi chair เริ่มใช้เสียตั้งแต่ตอนเริ่มต้น เริ่มต้นดี เริ่มต้นถูก ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นครับ

3. อ่านหนังสือให้ลูกฟังน้อยเกินไป ทักษะการฟังเป็นทักษะที่เด็กทำได้ดีกว่าผู้ใหญ่มาก มากกว่าที่พวกเรารู้ครับ อย่างที่ผู้ใหญ่สอนว่าไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก ถ้าอยากให้ลูกรักการอ่าน ก็ต้องเริ่มปลูกฝังเสียตั้งแต่เด็ก จริงๆ ต้องบอกว่าตั้งแต่ทารก อ่านไปเถอะครับ อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ แล้วก็เลยผลัดไปก่อน เอาไว้ก่อน อ่านนิทานให้ฟัง เป็นเวลา เวลาใดก็ได้ที่คุณสะดวก เช้าหรือก่อนนอน หรือระหว่างวัน เด็กๆ ชอบที่จะเล่นกับคุณพ่อคุณแม่ ชอบที่จะฟังสิ่งที่คุณพูดเสมอ เริ่มได้เลยครับ อ่านหนังสือนิทานให้ลูกฟัง ปลูกฝังนิสัยการรักการอ่าน การเรียนรู้ และยังช่วยพัฒนาความจำ การพูด ให้กับเขาได้ด้วย สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ ก็ถือโอกาสเปลี่ยนแปลงตัวเองเลยก็ดีนะครับ อย่าทำให้ลูกต้องเสียโอกาสดีๆ ไปเพียงเพราะคุณ ไม่มีเวลาหรือไม่ชอบอ่านหนังสือ แถมอีกนิดคือ อย่าลืมจัดมุมหนังสือไว้ในห้องหรือในบ้านนะครับ มุมที่ลูกสามารถหยิบเล่นได้ หยิบให้เราอ่านได้ เข้าถึงได้ง่ายและปลอดภัย (ไม่หล่นใส่เอาครับ)

4. ก็แค่ดูทีวีเองนะ หลายคนทราบครับว่าให้เด็กดูทีวีไม่ดี มีผลเสียมากมาย แต่หลายคนคิดว่าลูกยังเล็กอยู่ คงไม่เป็นไร เลี้ยงลูกไปดูทีวีไป หารู้ไม่ว่าเด็กๆ เปรียบเสมือนเครื่องรับสัญญาณชั้นเลิศ เขาหรือเธอสามารถรับได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นภาพ เสียง กลิ่น รวมทั้งอารมณและความรู้สึก อยากให้ลูกเป็นแบบไหน คุณพ่อคุณแม่ก็เพียงคัดสรรสิ่งดีๆ นำเสนอให้เขามากๆ ไม่สำคัญครับว่าดวงของเด็กจะเป็นแบบไหน ดวงชะตาเป็นเพียงแนวโน้ม มิใช่ข้อกำหนด แต่สิ่งที่คุณสอน สิ่งที่เด็กได้รับรู้ในช่วงวัยเด็ก จะติดตัวเขาไปอย่างถาวร เลือกดีๆ ครับ ว่าสิ่งใดสำคัญ สิ่งใดควรเลี่ยง รู้และตกลงกันให้ดีในครอบครัว จะได้ช่วยกันปฏิบัติได้จริง

5. ใช้มือถือขณะอยู่กับลูก ผลเสียของมือถือ แท็บเล็ตก็เหมือนกับการดูทีวี เรื่องสมาธิ เรื่องการรับสารฝั่งเดียว การควบคุมข้อมูลได้ยาก แต่ข้อเสียที่ต้องระมัดระวังอีกอย่างคือสัญญาณมือถือที่ไม่ควรให้อยู่ใกล้ ๆ เขา รวมทั้งสัญญาณ wifi  3G ด้วยเช่นกัน อย่าปล่อยให้มือถือแท็บเลต เป็นตัวขัดขวางความสัมพันธ์ของพ่อแม่ลูกเลยครับ ควรใช้มันให้เป็นประโยชน์ในทางที่มันควรเป็นก็เพียงพอแล้ว

6. ไม่ระมัดระวังคำพูด ระหว่างที่คุณพ่อคุยกับคุณแม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องข่าวสาร ต้องระมัดระวังอารมณ์ คำพูดให้มากเป็นพิเศษ เด็กๆ เป็นจอมเลียนแบบ จอมก็อบปี้ ระวังว่าวันดีคืนดี เจ้าตัวเล็กของคุณจะพูดอะไรออกมาแล้วคุณจะงงว่าเอามาจากไหน อีกเรื่องคือการสอนลูกหรือการออกคำสั่ง ควรพูดในเชิงบวกเสมอ เช่น ต้องการเตือนให้เขาไม่ทำของตก ก็ควรพูดว่า ถือของดีๆ , พูดสิ่งที่ต้องการให้เขาทำ แทนการพูดห้ามสิ่งที่ไม่ให้ทำ เป็นทักษะการสื่อสารที่ได้รับการวิจัยมาแล้ว ใช้ได้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คุณอาจจะรู้สึกว่ามันยากในการหาชุดคำพูดเชิงบวก แต่มันคุ้มค่าในการฝึกครับ

7. มีของเล่นมากเกินไป รู้ครับว่าคุณพ่อคุณแม่รักลูก ต้องการให้ ให้ และก็ให้  รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของลูกเวลาที่เขาหรือเธอได้รับของเล่นจากคุณ มันทำให้พ่อแม่เช่นคุณเช่นผมมีความสุข เห็นเขาสุขเราก็สุข ทีนี้เราก็อยากให้เขามีความสุขมากๆ ก็เลยซื้อ สรรหามาให้มากมาย การมีของเล่นมากเกินไปมีผลเสียคือ เด็กขาดจินตนาการในการเล่น การมีของเล่นน้อยชิ้นทำให้เขารู้จักประยุกต์ใช้ หาวิธีเล่นในแบบใหม่ๆ คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกหาของเล่นที่สามารถดัดแปลง ปรับเปลี่ยนการเล่นได้หลากหลาย แทนที่ต้องมีของเล่นหลายๆ ชิ้นจะดีกว่าครับ ทีนี้ถ้ามีเยอะแล้วก็ต้องแอบเอาไปเก็บๆ ไว้บ้าง แล้วค่อยเปลี่ยนสลับๆ กันไป ภาพหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเจอเวลาของเล่นมากๆ คือลูกจะรื้อ รื้อ รื้อ โยนทิ้งไปมา ตัวเขาก็ไม่รู้จะเล่นอะไรดี เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา สุดท้ายก็วนกลับมาที่เดิมคือ ควรฝึกให้เด็กมีสมาธิ

8. เลือกของเล่นที่น่าสนใจมากเกินไป เด็กก็เหมือนผู้ใหญ่ครับเวลาเคยพบสิ่งที่น่าสนใจมากๆ สนุกมากๆ ก็ไม่ค่อยอยากไปเล่นอะไรที่ธรรมดาๆ ถ้าคุณซื้อรถบังคับให้ลูกเล่น ก็ยากที่จะให้เขาสนใจในรถจำลองคันเล็กๆ ถ้าคุณซื้อเครื่องบินบังคับมาเล่น ก็คงยากที่เขาจะสนใจเครื่องบินกระดาษที่คุณตั้งใจพับให้ ถ้าคุณให้เขาเล่นไอแพด ก็ยากที่เขาจะนั่งระบายสีบนกระดาษธรรมดา นอกจากเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแล้วต้องเหมาะสมด้วยนะครับ วางแผนเลือกของเล่นให้เหมาะสมกับจังหวะการพัฒนาการของเขา ถ้าไม่อยากที่จะต้องพยายามหาของแปลกๆ ของน่าสนใจมาให้เขาก็ควรเริ่มด้วยของพื้นๆ ของธรรมดา ของใช้รอบตัว ประยุกต์เป็นของเล่นให้เขาครับ

9. คิดว่าการเลี้ยงลูกเป็นเรื่องธรรมชาติ มันเป็นเรื่องที่เป็นเองได้ ถามคุณตาคุณยาย ฝากคุณปู่คุณย่าเลี้ยงก็ได้ง่ายๆ มีอะไรก็ถามกูเกิล ถามคุณหมอ จริงอยู่ครับว่าการเลี้ยงลูกคนหนึ่งไม่ควรเป็นอะไรที่ลำบากมากเกินไป มันควรเป็นอะไรที่เป็นธรรมชาติ แต่หมายถึงการเลี้ยงให้เป็นไปตามธรรมชาติของเด็กครับ มิได้หมายถึงปล่อยตามมีตามเกิด ในร้านหนังสือเต็มไปด้วยหนังสือคู่มือการเลี้ยงลูก การเตรียมพัฒนาการ ในเว็บไซต์มีบทความดีๆ มากมาย แต่น่าแปลกใจที่หลายๆ คนยังพึ่งพาคอมเมนต์ในพันทิป การตอบกระทู้ตามเว็บบอร์ดต่างๆ มีทั้งข้อมูลที่ถูกต้อง แต่บางอันก็ไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่ ซื้อหนังสือติดบ้านไว้ดีกว่าครับ อย่างน้อยมีเรื่องอะไรก็สามารถเปิดอ่านได้ทัน

10. ลืมไปว่าเคยรักเด็กคนนี้มากแค่ไหน วันเวลาผ่านไป นิสัยของเด็กที่ได้รับการปรุงแต่งจากสภาพแวดล้อม จากการอบรมสั่งสอน จากเรื่องต่างๆ ทำให้ลูกน้อยของคุณมีความเป็นปัจเจกบุคคล ยิ่งโตขึ้นก็มีความคิดเป็นของตนเอง กล้าคิด กล้าทำ กล้าปฏิเสธ เด็กดีน่ารักอาจเริ่มดื้อ ซน ก้าวร้าว คุณพ่อคุณแม่คงเคยเผลอดุหรือต่อว่า ขู่ เขาไป ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนตกเป็นทาสของอารมณ์กันทั้งนั้น ครั้งต่อไปที่โกรธหรือโมโหลูก อย่าลืมนะครับว่าคุณเคยรักเขามากแค่ไหน ในวันแรกที่เขาลืมตา คุณรักและห่วงเขามากขนาดยอมได้ทุกอย่างในวันที่ลูกนอนป่วย อย่าได้อารมณ์เสียเพียงเพราะเขาไม่ได้เป็นอย่างที่คุณต้องการเลยครับ

ผมเชื่อเสมอว่าทุกความสำเร็จเกิดจากการทำเรื่องเล็กๆน้อยๆ ให้ถูกต้องสะสมไปเรื่อยๆ วันเดือนปีเกิดแม้เราเลือกได้บ้าง เลือกไม่ได้บ้าง ไม่ว่าจะคลอดตามฤกษ์คลอดหรือคลอดธรรมชาติ สุดท้ายแล้วการเลี้ยงดูของคุณพ่อคุณแม่ย่อมสำคัญเหนือทุกสิ่ง ถ้าอนาคตของเด็กคนนี้จะเป็นเช่นไรก็อย่าได้โทษโชคชะตาเลย ทุกอย่างมีเหตุและผลของมันเองเสมอครับ

บทความแนะนำ:

  1. 7 นิสัยอัจฉริยะของดาวินชี
  2. คุณค่าของน้ำนมแม่
  3. คาถา 123 ปราบเจ้าตัวน้อย
  4. ปี 2557 ใครจะโชคดี หรือ ร้าย
  5. 15 สิ่งที่คุณแม่ไม่เคยคิดก่อนมีลูก
READ  หยุดทำร้ายลูกด้วยนมวัว